🌦 ปัจจุบันเรากำลังอยู่ในยุคที่ทุกอย่างเคลื่อนที่และปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทั้งดอกเบี้ย เงินเฟ้อ รสนิยม ความชอบ เทคโนโลยี นวัตกรรม รวมไปถึงเทรนด์ต่าง ๆ ด้วย ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ค่าใช้จ่าย และค่าครองชีพต่างพากันสูงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ 💸
การที่เราจะพึ่งพารายได้จากงานประจำเพียงอย่างเดียว ก็อาจไม่เพียงพอที่จะตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ในเวลานี้อีกต่อไป 👉🏻 การมองหางานเสริม หรือแหล่งรายได้ที่ 2 (Second Job) จึงกลายเป็นสิ่งที่คนยุคนี้เริ่มมองหา !
แต่คำถามก็คือ.. 🧐 งานแบบไหนล่ะ ที่จะคุ้มค่ากับเวลาที่เราต้องเสียไปเพิ่ม ?
หนึ่งในคำตอบนั้นก็คือ “การลงทุน” ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนรู้กันดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับนักลงทุนสายหุ้น แต่รูปแบบการลงทุนที่จะสามารถสร้างกำไรให้เราได้เร็วมากยิ่งขึ้น แบบที่ไม่จำเป็นต้องรอให้ตลาดเป็นขาขึ้นอย่างเดียวด้วยล่ะมีไหม ?
คำตอบที่สองก็คือ.. “มี” และนั่นก็คือ การลงทุนใน “สัญญาฟิวเจอร์ส” (Futures) ซึ่งเป็นการลงทุนที่เปิดโอกาสให้ทำกำไรได้ทุกสภาวะตลาด 💰 สามารถทำกำไรได้แบบทวีคูณ ผ่านการใช้อัตราทด (Leverage) และช่วยทำให้เงินลงทุนของเรานั้นเติบโตได้อย่างรวดเร็วด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น ⚠ การลงทุนใน “สัญญาฟิวเจอร์ส” บนตลาด TFEX แม้จะมีอัตราทดที่ทำให้เรามีพลังในการเพิ่มผลกำไรจากการลงทุนมากขึ้นได้ แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ฉะนั้น สิ่งที่เราจะต้องให้ความสำคัญอย่างมากเลยก็คือ “การบริหารเงินหน้าตัก หรือ Money Management” เพื่อให้เราสามารถสร้างรายได้เพิ่ม แบบที่พอร์ตของเราจะไม่แตกด้วย !
💡 วันนี้เราจึงมาแชร์ “วิธีการสร้างเงิน 10,000 บาทต่อเดือน ที่มาพร้อมกับการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างถูกต้อง” ! ซึ่งมี 3 อย่างที่เราจะต้องทำด้วยกัน ! ถ้าพร้อมแล้ว เตรียมร่างกาย สมุด และปากกาให้พร้อม แล้วไปลุยกันเลย~ 🙋🏼♀️🙋🏻
ตัวอย่างเช่น หากเราต้องการทำกำไร เดือนละ 10,000 บาท และคาดว่าใน 1 เดือน ตลาดจะเปิดทำการประมาณ 20 วัน เราก็จะต้องคำนวณต่อว่า ในแต่ละวันนั้นเราจะต้องทำกำไรจำนวนเท่าไร อย่างในกรณีนี้ เราจะต้องทำกำไรให้ได้อย่างน้อย วันละประมาณ 500 บาท
อย่างที่สอง) ✅ เราต้องรู้ว่า สินทรัพย์อ้างอิงบนสัญญาฟิวเจอร์สนั้น มีการเคลื่อนไหวต่อวันอย่างไรบ้าง เพื่อประเมินว่าเราจะต้องซื้อกี่สัญญา เพื่อให้ได้กำไรตามเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละวัน
อย่างเช่น หากเราต้องการเทรด SET50 Futures ก็ให้เราเข้าไปดูข้อมูลการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันก่อน ว่าล่าสุดนี้เคลื่อนไหวอยู่ที่เท่าไร
เช่น ในช่วงเดือนตุลาคม 2567 พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยอยู่ที่ 10-15 จุด ซึ่งหากเราต้องการทำกำไร 500 บาท ต่อวัน ขอเพียงแค่ SET50 Futures ขยับอย่างน้อย 3 จุด เราก็จะสามารถทำกำไรได้ตรงตามเป้าที่วางไว้แล้ว (ตัวคูณดัชนี : 1 จุด = 200 บาท) แบบนี้เป็นต้น
ทั้งนี้อย่าลืมว่า แต่ละสินทรัพย์อ้างอิงมีการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน รวมถึงเป้าหมายจำนวนเงินที่ต้องการของแต่ละคนก็อาจแตกต่างกันด้วย หากบางสินทรัพย์ไม่ได้ขยับมากนัก เราก็อาจจำเป็นที่จะต้องเพิ่มจำนวนสัญญาในการเทรด เพื่อให้ผลตอบแทนไปถึงตามเป้าหมายนั่นเอง
อย่างสุดท้าย) ✅ อย่าลืมที่จะทำ Money Management !!!!
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ขาดไม่ได้ ⚠️ เพราะถ้าเราไม่วางแผนเรื่องนี้ให้ดี ก็มีโอกาสที่พอร์ตของเราจะแตกได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ เราจะแบ่งออกเป็น 2 หัวข้อหลัก ๆ
คือ การควบคุมความเสี่ยงในการเทรดแต่ละครั้ง หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ.. การกำหนดระดับการขาดทุนที่ยอมรับได้ “ไม่ให้ขาดทุนเกิน x บาท หรือ x %” นั่นเอง
เช่น กำหนดว่า การเปิดสถานะซื้อสัญญาฟิวเจอร์ส ใน 1 ครั้ง เราจะขาดทุนได้ไม่เกิน 2% ของเงินลงทุน เมื่อราคา SET50 Futures เปลี่ยนแปลง ถึงจุดที่ต้องตัดสินใจ หรือราคากลับทิศไม่ตรงกับที่เราคาดการณ์ไว้ เราจะต้องขาดทุนไม่เกินราคาที่เราตั้งไว้
ซึ่งวิธีนี้จะช่วยปกป้องพอร์ตจากการขาดทุนที่เกินควบคุม 👍 และทำให้เรายังมีเงินทุนเหลือพอสำหรับการเทรดครั้งต่อไปในอนาคตด้วย
หนึ่งในจุดเด่นของสัญญาฟิวเจอร์ส คือ การเพิ่มอำนาจในการลงทุนได้มากขึ้นจากเงินที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งช่วยให้เราสามารถสร้างผลตอบแทนได้เร็วขึ้น หรือทำให้เราสามารถเข้าถือสัญญาที่มีมูลค่าสูงด้วยการวางเงินหลักประกันเพียงบางส่วนเท่านั้น
ซึ่งหากเราใช้ Leverage ที่สูงมากเกินไป หรือวางเงินพอดีกับ เงินหลักประกัน (IM) แบบไม่เผื่อเหลือเผื่อขาด 🚨 กรณีที่สินทรัพย์อ้างอิงมีการเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับที่เราคาดการณ์ไว้ ก็อาจทำให้เราโดน Force Margin ได้ด้วย
ดังนั้น การวางเงินต้น และการใช้ Leverage จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เราจำเป็นที่จะต้องวางแผนการใช้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการรับความเสี่ยง และเป้าหมายทางการลงทุนของเรา
🔍 อย่างปกติ SET50 Futures 1 สัญญา จะมีมูลค่าเท่ากับ ราคาล่าสุด คูณด้วย ตัวคูณดัชนี (200) สมมติราคาล่าสุดอยู่ที่ 1,000 จุด มูลค่า 1 สัญญา ก็จะเท่ากับ 1,000*200 = 200,000 บาท
หากเราวางเงิน 20,000 บาท เพื่อเปิด 1 สัญญา ก็จะคิดเป็น Leverage 10 เท่า (200,000/20,000) แปลว่า ถ้าราคาปรับตัวตามที่คาดการณ์ไว้ 1% เราจะมีกำไร 10% จากเงินลงทุนด้วย แต่ในทางกลับกัน หากราคากลับทิศทางจากที่คาดการณ์ไว้ 1% เราก็จะขาดทุนอยู่ที่ 10% ด้วยเช่นกัน
ซึ่งการทำเช่นนี้ อาจทำให้พอร์ตของเรามีความเสี่ยงที่มากเกินได้ 📍 ดังนั้น เราควรวางแผนการใช้ Leverage ให้เหมาะสม เช่นอาจปรับลดการใช้ Leverage ให้เหลือเพียง 5 เท่า (โดยวางเงินลงทุนเริ่มต้นเผื่อไว้ประมาณ 40,000 บาทสำหรับการเปิด 1 สัญญา) เพื่อให้สามารถรักษาสภาพคล่องในบัญชีให้เพียงพอ ลดโอกาสการถูก Margin Call จากการที่ราคากลับตัวในช่วงระยะสั้น ๆ นั่นเอง 💪
📌 และทั้งหมดนี้ ! ก็คือกลยุทธ์และแนวทางในการสร้างเงิน 10,000 บาท ต่อเดือน ที่สามารถนำไปปรับใช้และทำได้จริง และยังมาพร้อมกับเทคนิคที่ช่วยลดโอกาสพอร์ตแตก ผ่านการทำ Money Management ด้วยนั่นเอง 💸
เป็นอย่างไรกันบ้าง ! 🔥 ถึงตรงนี้.. หลายคนก็คงเริ่มรู้สึกว่า การสร้างเงินหมื่นต่อเดือนไม่ใช่เรื่องยากแล้วใช่ไหมล่ะ ? 👉 แต่สำหรับใครที่ยังไม่มั่นใจในการเทรดสัญญาฟิวเจอร์ส ก็ขอแนะนำให้ลองเปิดพอร์ตจำลองและทดลองซื้อขายก่อน เพื่อที่เราจะได้รู้จักเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ รวมถึงเรียนรู้ระบบการทำงานของสัญญานั้น ๆ ได้อย่างลึกซึ้งก่อนเริ่มเทรดจริงด้วย 🤩✨
โดยสามารถเริ่มทดลองเทรดได้ที่ 👉 https://click2win.settrade.com/SETClick2WIN/index.jsp หรือโหลดแอปฯ Streaming Click2Win ไว้ได้เลย !
➡ และสำหรับนักลงทุนท่านใด ที่สนใจศึกษาความรู้ และรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับเครื่องมือ TFEX ก็สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมทั้งหมดได้เลยที่ https://setga.page.link/Fpgh
#TFEX #StockFutures #SET50Futures #ฟิวเจอร์ส #รายได้เสริม #SecondJob #การลงทุน #วางแผนการเงิน #ลงทุนหุ้น