TFEX
5 Min Read

น้อย…แต่มาก รู้จักการลงทุนแบบ Leverage ที่เปลี่ยนเงินก้อนเล็กให้เป็นก้อนโต

by TFEX

Topic_1_น้อยแต่มาก

เชื่อว่านักลงทุนตลาดหุ้นบ้านเราจำนวนไม่น้อย อาจรู้สึกท้อแท้ ที่ตัวเองไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุนเหมือนใครเขา บางคนถึงขนาดโอดครวญว่า ที่พอร์ตเราไม่โตไปไหน ก็เพราะเงินทุนน้อย ต่อให้ศึกษาพื้นฐาน และวิเคราะห์กราฟมาอย่างดี แต่ก็ยังยากที่จะเปลี่ยนฐานะตัวเองได้ $

ยิ่งในช่วงตลาดหุ้นเปลี่ยนเป็นเทรนด์ขาลง ก็ยิ่งทำให้พอร์ตการลงทุน ได้รับความเสียหายหนัก โดยเฉพาะนักลงทุนที่กู้มาร์จินเพื่อมาซื้อหุ้น 

คำถามสำคัญคือ จะมีวิธีไหนบ้าง ที่จะเปลี่ยนให้คนพอร์ตเล็กอย่างเรา เป็นนักลงทุนพอร์ตใหญ่ได้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

จริง ๆ แล้ว โลกของการลงทุน ยังมีเครื่องมือที่ช่วยให้คนที่มีเงินน้อยสามารถสร้างโอกาสลงทุนให้มีกำไรก้อนโตได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งการกู้มาร์จินมาซื้อหุ้นแบบที่ผ่าน ๆ มา ซึ่งเครื่องมือที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ มีชื่อว่า TFEX นั่นเอง

โดยจุดเด่นของ TFEX คือ มีสินค้าให้ซื้อขายได้อย่างหลากหลาย ครอบคลุมทั้งดัชนีตลาดหุ้น หุ้นรายตัว ทองคำ แร่เงิน ยางพารา รวมถึงสกุลเงินต่าง ๆ อีกทั้งยังทำกำไรได้ทั้งในภาวะตลาดขาขึ้น และขาลงอีกด้วย 

แล้วถ้าถามว่า TFEX จะเปลี่ยนคนที่มีเงินก้อนเล็ก ให้เป็นเงินก้อนโตได้อย่างไรนั้น 

คำตอบคือ การอาศัยพลังแห่งอัตราทด หรือ Leverage นั่นเอง 

อธิบายเพื่อให้เห็นภาพง่าย ๆ ว่า หากนักลงทุนทำสัญญาซื้อขายสินค้าสักตัว จำนวน 1 สัญญา นั่นหมายความว่า นักลงทุนกำลังซื้อสินทรัพย์นั้นทั้งจำนวน หรือทั้งมูลค่าตลาด แต่การเปิดสัญญาใน TFEX เพียง 1 สัญญา นักลงทุนไม่ต้องวางเงินเต็มจำนวน ขอเพียงแค่วางเงินมาร์จินกับโบรกเกอร์ หรือเงินขั้นต่ำก่อนทำการซื้อขาย ก็เพียงพอแล้ว 

โดยการวางมาร์จินนี้ จะเป็นคนละรูปแบบ กับการกู้มาร์จินเพื่อมาซื้อหุ้นแบบทั่วไป ที่ต้องเสียดอกเบี้ย 5-7% ต่อปี นั่นจึงทำให้นักลงทุนไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของดอกเบี้ยเหมือนกับการกู้มาร์จินนั่นเอง

ยกตัวอย่างเช่น กรณีของ Stock Futures หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาหุ้นรายตัว ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตามปกติแล้ว Stock Futures ใน 1 สัญญา จะเทียบเท่ากับ 1,000 หุ้น ทำให้การเคลื่อนไหวของราคา Stock Futures ทุก ๆ 1 บาท จะมีมูลค่าเท่ากับ 1,000 บาท หรือคิดเป็นเงินกำไรขาดทุนเท่ากับ 1,000 บาทนั่นเอง

สมมติว่านักลงทุนต้องการจะซื้อหุ้นตัวหนึ่งจำนวน 1,000 หุ้น ซึ่งหุ้นนั้นมีราคา 100 บาท/หุ้น จะต้องใช้เงินรวมทั้งสิ้น 100,000 บาท แต่ถ้านักลงทุนเลือกซื้อ Stock Futures จะใช้ 1 สัญญา โดยวางหลักประกันขั้นต้นเพียง 10,000 บาท/สัญญา นักลงทุนไม่ต้องชำระเงินเต็มจำนวน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าการซื้อขายใน TFEX ใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการซื้อหุ้นโดยตรง แต่ผลตอบแทนจะคำนวณจากมูลค่าเต็มจำนวน หรือพูดง่าย ๆ ว่า หากลงเงินใน TFEX จะ Leverage ได้ถึง 10 เท่าเลยทีเดียว และทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าการซื้อหุ้นรายตัวด้วย

นอกจากนั้น ถ้ามองอีกมุม การเทรด TFEX จะช่วยให้นักลงทุนมีเงินเหลือ หรือมีเงินลงทุนสำหรับนำไปต่อยอดหาดอกผลอย่างอื่นเพิ่มเติมได้ อย่างกรณีนี้จะมีเงินเหลือ 90,000 บาท และถ้ามีกำไรก็สามารถนำส่วนที่กำไรไปซื้อหุ้นเพิ่ม หรือขยายพอร์ตให้เติบโตขึ้นได้

ทั้งนี้ การวางหลักประกันหรือมาร์จินใน TFEX แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ

1. หลักประกันขั้นต้น (Initial Margin - IM) 

จำนวนเงินหลักประกันที่ต้องวางกับโบรกเกอร์ก่อนทำการซื้อขาย

2. หลักประกันรักษาสภาพ (Maintenance Margin - MM) 

เมื่อนักลงทุนซื้อขายไปสักพัก นักลงทุนต้องระวังไม่ให้มาร์จินต่ำกว่า Maintenance Margin เพราะไม่อย่างนั้น โบรกเกอร์จะเรียกให้นักลงทุนนำเงินมาวางเป็นหลักประกันเพิ่ม หรือที่เรียกกันว่า Margin Call 

3. หลักประกันปิดสถานะ (Force Close Margin - FM)

หากเงินหลักประกันลดลงถึงระดับปิดสถานะ แล้วนักลงทุนยังไม่สามารถเติมเงินหลักประกันเพิ่มได้ ก็จะถูกบังคับปิดสถานะสัญญา เพื่อรักษาเงินหลักประกันบางส่วนไว้ ซึ่งถือเป็นกลไกที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากการขาดทุนเงินต้นทั้งจำนวน

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า TFEX จะมีความน่าสนใจดังที่กล่าวมาข้างต้น แต่ต้องยอมรับว่านักลงทุนในบ้านเราจำนวนไม่น้อยกลับมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย เพียงเพราะรีบตัดสินใจไปว่าเครื่องมือชนิดนี้มีความเสี่ยงสูง แต่อย่าลืมว่า ถ้านักลงทุน กล้าที่จะทิ้งความกลัวออกไป ตั้งใจศึกษาทำความเข้าใจ และเริ่มเทรดอย่างมีวินัย พร้อม ๆ กับการบริหารหน้าตัก (Money Management) ให้ดี TFEX เองก็อาจเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยลดโอกาสขาดทุนในสินทรัพย์อื่น พร้อม ๆ กับการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับนักลงทุนได้เช่นกัน

สำหรับใครที่เป็นนักลงทุนหน้าใหม่ ที่เพิ่งก้าวลงสู่สนาม TFEX อาจนำเอา 5 วิธีบริหารความเสี่ยงเบื้องต้นนี้ ไปปรับใช้ได้ ได้แก่ 

อย่าซื้อขายมากจนเกินไป (Over Trade) 

จำกัดความเสี่ยง ด้วยการกำหนดจุด Stop Loss ให้ชัดเจน

วางเงินหลักประกันหรือมาร์จินให้เหมาะสม 

ติดตามราคาสินค้าอ้างอิงอย่างใกล้ชิด

เลือกเทรดสินค้า ที่มีอายุสัญญาเหมาะกับการคาดการณ์

ถึงตรงนี้แล้ว ก็อาจสรุปได้ว่า TFEX เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยกระจายความเสี่ยง และสร้างผลกำไรได้อย่างน่าสนใจ ด้วยพลังของ Leverage ขอเพียงแค่เราเข้าใจกลไกของตลาด คอยวางกลยุทธ์อย่างรอบคอบ พร้อมกับบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพียงเท่านี้ก็สามารถประสบความสำเร็จในตลาด TFEX ได้ไม่ยาก.. 

ติดตาม ประสบการณ์ตรงของนักลงทุน ที่นำหลักการลงทุนแบบ Leverage มาใช้ในการกระจายความเสี่ยง และทำกำไรไปพร้อม ๆ กัน ได้แล้วที่ https://www.tfex.co.th/th/education/knowledge/firststeptotfex


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง