เชื่อว่านักลงทุนตลาดหุ้นบ้านเราจำนวนไม่น้อย อาจรู้สึกท้อแท้ ที่ตัวเองไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุนเหมือนใครเขา บางคนถึงขนาดโอดครวญว่า ที่พอร์ตเราไม่โตไปไหน ก็เพราะเงินทุนน้อย ต่อให้ศึกษาพื้นฐาน และวิเคราะห์กราฟมาอย่างดี แต่ก็ยังยากที่จะเปลี่ยนฐานะตัวเองได้ $
ยิ่งในช่วงตลาดหุ้นเปลี่ยนเป็นเทรนด์ขาลง ก็ยิ่งทำให้พอร์ตการลงทุน ได้รับความเสียหายหนัก โดยเฉพาะนักลงทุนที่กู้มาร์จินเพื่อมาซื้อหุ้น
➡ คำถามสำคัญคือ จะมีวิธีไหนบ้าง ที่จะเปลี่ยนให้คนพอร์ตเล็กอย่างเรา เป็นนักลงทุนพอร์ตใหญ่ได้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
จริง ๆ แล้ว โลกของการลงทุน ยังมีเครื่องมือที่ช่วยให้คนที่มีเงินน้อยสามารถสร้างโอกาสลงทุนให้มีกำไรก้อนโตได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งการกู้มาร์จินมาซื้อหุ้นแบบที่ผ่าน ๆ มา ซึ่งเครื่องมือที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ มีชื่อว่า TFEX นั่นเอง
โดยจุดเด่นของ TFEX คือ มีสินค้าให้ซื้อขายได้อย่างหลากหลาย ครอบคลุมทั้งดัชนีตลาดหุ้น หุ้นรายตัว ทองคำ แร่เงิน ยางพารา รวมถึงสกุลเงินต่าง ๆ อีกทั้งยังทำกำไรได้ทั้งในภาวะตลาดขาขึ้น และขาลงอีกด้วย
แล้วถ้าถามว่า TFEX จะเปลี่ยนคนที่มีเงินก้อนเล็ก ให้เป็นเงินก้อนโตได้อย่างไรนั้น
คำตอบคือ การอาศัยพลังแห่งอัตราทด หรือ Leverage นั่นเอง
อธิบายเพื่อให้เห็นภาพง่าย ๆ ว่า หากนักลงทุนทำสัญญาซื้อขายสินค้าสักตัว จำนวน 1 สัญญา นั่นหมายความว่า นักลงทุนกำลังซื้อสินทรัพย์นั้นทั้งจำนวน หรือทั้งมูลค่าตลาด แต่การเปิดสัญญาใน TFEX เพียง 1 สัญญา นักลงทุนไม่ต้องวางเงินเต็มจำนวน ขอเพียงแค่วางเงินมาร์จินกับโบรกเกอร์ หรือเงินขั้นต่ำก่อนทำการซื้อขาย ก็เพียงพอแล้ว
โดยการวางมาร์จินนี้ จะเป็นคนละรูปแบบ กับการกู้มาร์จินเพื่อมาซื้อหุ้นแบบทั่วไป ที่ต้องเสียดอกเบี้ย 5-7% ต่อปี นั่นจึงทำให้นักลงทุนไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของดอกเบี้ยเหมือนกับการกู้มาร์จินนั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น กรณีของ Stock Futures หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาหุ้นรายตัว ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตามปกติแล้ว Stock Futures ใน 1 สัญญา จะเทียบเท่ากับ 1,000 หุ้น ทำให้การเคลื่อนไหวของราคา Stock Futures ทุก ๆ 1 บาท จะมีมูลค่าเท่ากับ 1,000 บาท หรือคิดเป็นเงินกำไรขาดทุนเท่ากับ 1,000 บาทนั่นเอง
สมมติว่านักลงทุนต้องการจะซื้อหุ้นตัวหนึ่งจำนวน 1,000 หุ้น ซึ่งหุ้นนั้นมีราคา 100 บาท/หุ้น จะต้องใช้เงินรวมทั้งสิ้น 100,000 บาท แต่ถ้านักลงทุนเลือกซื้อ Stock Futures จะใช้ 1 สัญญา โดยวางหลักประกันขั้นต้นเพียง 10,000 บาท/สัญญา นักลงทุนไม่ต้องชำระเงินเต็มจำนวน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าการซื้อขายใน TFEX ใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการซื้อหุ้นโดยตรง แต่ผลตอบแทนจะคำนวณจากมูลค่าเต็มจำนวน หรือพูดง่าย ๆ ว่า หากลงเงินใน TFEX จะ Leverage ได้ถึง 10 เท่าเลยทีเดียว และทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าการซื้อหุ้นรายตัวด้วย
นอกจากนั้น ถ้ามองอีกมุม การเทรด TFEX จะช่วยให้นักลงทุนมีเงินเหลือ หรือมีเงินลงทุนสำหรับนำไปต่อยอดหาดอกผลอย่างอื่นเพิ่มเติมได้ อย่างกรณีนี้จะมีเงินเหลือ 90,000 บาท และถ้ามีกำไรก็สามารถนำส่วนที่กำไรไปซื้อหุ้นเพิ่ม หรือขยายพอร์ตให้เติบโตขึ้นได้
ทั้งนี้ การวางหลักประกันหรือมาร์จินใน TFEX แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
1. หลักประกันขั้นต้น (Initial Margin - IM)จำนวนเงินหลักประกันที่ต้องวางกับโบรกเกอร์ก่อนทำการซื้อขาย
2. หลักประกันรักษาสภาพ (Maintenance Margin - MM)เมื่อนักลงทุนซื้อขายไปสักพัก นักลงทุนต้องระวังไม่ให้มาร์จินต่ำกว่า Maintenance Margin เพราะไม่อย่างนั้น โบรกเกอร์จะเรียกให้นักลงทุนนำเงินมาวางเป็นหลักประกันเพิ่ม หรือที่เรียกกันว่า Margin Call
3. หลักประกันปิดสถานะ (Force Close Margin - FM)หากเงินหลักประกันลดลงถึงระดับปิดสถานะ แล้วนักลงทุนยังไม่สามารถเติมเงินหลักประกันเพิ่มได้ ก็จะถูกบังคับปิดสถานะสัญญา เพื่อรักษาเงินหลักประกันบางส่วนไว้ ซึ่งถือเป็นกลไกที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากการขาดทุนเงินต้นทั้งจำนวน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า TFEX จะมีความน่าสนใจดังที่กล่าวมาข้างต้น แต่ต้องยอมรับว่านักลงทุนในบ้านเราจำนวนไม่น้อยกลับมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย เพียงเพราะรีบตัดสินใจไปว่าเครื่องมือชนิดนี้มีความเสี่ยงสูง แต่อย่าลืมว่า ถ้านักลงทุน กล้าที่จะทิ้งความกลัวออกไป ตั้งใจศึกษาทำความเข้าใจ และเริ่มเทรดอย่างมีวินัย พร้อม ๆ กับการบริหารหน้าตัก (Money Management) ให้ดี TFEX เองก็อาจเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยลดโอกาสขาดทุนในสินทรัพย์อื่น พร้อม ๆ กับการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับนักลงทุนได้เช่นกัน
สำหรับใครที่เป็นนักลงทุนหน้าใหม่ ที่เพิ่งก้าวลงสู่สนาม TFEX อาจนำเอา 5 วิธีบริหารความเสี่ยงเบื้องต้นนี้ ไปปรับใช้ได้ ได้แก่
✅ อย่าซื้อขายมากจนเกินไป (Over Trade)
✅ จำกัดความเสี่ยง ด้วยการกำหนดจุด Stop Loss ให้ชัดเจน
✅ วางเงินหลักประกันหรือมาร์จินให้เหมาะสม
✅ ติดตามราคาสินค้าอ้างอิงอย่างใกล้ชิด
✅ เลือกเทรดสินค้า ที่มีอายุสัญญาเหมาะกับการคาดการณ์
ถึงตรงนี้แล้ว ก็อาจสรุปได้ว่า TFEX เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยกระจายความเสี่ยง และสร้างผลกำไรได้อย่างน่าสนใจ ด้วยพลังของ Leverage ขอเพียงแค่เราเข้าใจกลไกของตลาด คอยวางกลยุทธ์อย่างรอบคอบ พร้อมกับบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพียงเท่านี้ก็สามารถประสบความสำเร็จในตลาด TFEX ได้ไม่ยาก..
➡ ติดตาม ประสบการณ์ตรงของนักลงทุน ที่นำหลักการลงทุนแบบ Leverage มาใช้ในการกระจายความเสี่ยง และทำกำไรไปพร้อม ๆ กัน ได้แล้วที่ https://www.tfex.co.th/th/education/knowledge/firststeptotfex