TFEX
5 Min Read

รู้จัก Condition Order ตัวช่วยนักเทรด

by TFEX

หนึ่งตัวช่วยที่สำคัญสำหรับนักลงทุนในการส่งคำสั่งซื้อขายล่วงหน้าไม่ว่าจะปิดสถานะทำกำไร (Take Profit) หรือปิดสถานะเพื่อจำกัดผลขาดทุน (Stop Loss) การส่งคำสั่ง Condition Order เป็นรูปแบบการส่งคำสั่ง โดยกำหนดเงื่อนไขในการซื้อขายอัตโนมัติในอนาคต ทำให้ผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของราคาอยู่ตลอดเวลา และไม่เสียโอกาสในกรณีที่ราคาถึงระดับเป้าหมาย

สำหรับผู้ลงทุนที่ซื้อขายอนุพันธ์ในตลาด TFEX ผ่าน Streaming ด้วยรูปแบบคำสั่ง Condition Order มีให้เลือกใช้ 2 แบบคือ Stop Order และ Bracket Order


Stop Order
คือการส่งคำสั่งซื้อขายล่วงหน้าแบบมีเงื่อนไขเพียงฝั่งเดียว มักใช้ในกรณีที่ต้องการปิดสถานะเพื่อจำกัดผลขาดทุน (Stop Loss) หากราคาไม่เป็นไปตามที่คาด หรือใช้ในกรณีที่ต้องการเปิดสถานะเพื่อไล่ราคาตาม เมื่อราคาผ่านแนวรับหรือแนวต้าน โดยผู้ลงทุนสามารถกำหนดราคาเงื่อนไข (Trigger Price) โดยเทียบกับราคาตลาด ซึ่งสามารถเลือกได้ทั้งช่วงราคาขาขึ้น หรือราคาขาลง เมื่อราคาตลาดขยับไปถึงเงื่อนไขที่ตั้ง จะส่งคำสั่งซื้อขายตามที่ได้ตั้งล่วงหน้าไว้

3.2.1 การใช้ Condition Order - Stop Order

การส่งคำสั่ง Stop Order ผู้ลงทุนจะต้องกำหนดเงื่อนไขดังนี้

  1. ประเภทคำสั่ง Long Open, Short Open, Long Close และ Short Close ตามด้วยผลิตภัณฑ์ TFEX ที่ต้องการ
  2. จำนวนสัญญาที่ต้องการ
  3. ระดับราคาที่ต้องการ แบบ Limit หรือราคาตลาด MP, MP-MTL เมื่อมีการเข้าเงื่อนไขที่ตั้งไว้
Limit -คือการส่งคำสั่งแบบระบุราคา
MP (Market Price) – คำสั่งจับคู่ทุกระดับราคาตามจำนวน
MP-MTL (Market to Limit Order) – คำสั่งจับคู่ในราคาที่ดีที่สุดราคาเดียว หากจับคู่ไม่ครบจำนวนจะตั้งรอไว้ที่ราคาเดิม
  1. เลือก Condition Type เป็น Stop Order
  2. กำหนดเงื่อนไข (Trigger Condition) เป็น Last >= (ราคาล่าสุดมากกว่าหรือเท่ากับ) หรือ Last <= (ราคาล่าสุดน้อยกว่าหรือเท่ากับ) ตามเงื่อนไขที่ผู้ลงทุนต้องการ
  3. ใส่ราคาเงื่อนไข
  4. เลือกระยะเวลาที่ต้องการให้เงื่อนไขนี้มีผลถึงเมื่อไร (Condition Validity) โดยเมื่อเกินระยะเวลาที่ผู้ลงทุนตั้งไว้เงื่อนไขจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ (Expired)
  5. ระบุ Order Validity เป็นการระบุวันหมดอายุของคำสั่งซื้อขายหลังจากที่ Condition เข้าเงื่อนไขแล้วซึ่งเลือกได้ 3 รูปแบบ
Day – คำสั่งจะหมดอายุภายในวัน หลังจากที่ Condition เข้าเงื่อนไข
Date - คำสั่งจะหมดอายุในวันที่ผู้ลงทุนกำหนด
Cancel – คำสั่งจะไม่หมดอายุจนกว่าผู้ลงทุนยกเลิกคำสั่งเอง

ตัวอย่าง

ถ้ามีสถานะ Long S50Z23 จำนวน 5 สัญญา ที่ 1,000 จุดโดยต้องการ Stop Loss ทันทีหากดัชนีลงมาที่ 990 จุด

ให้ตั้ง Short Close S50Z23 จำนวน 5 สัญญา โดยช่องราคาใช้คำสั่ง MP แล้วกำหนดเงื่อนไข Condition เป็น Last <= 990 จุด เลือกระยะเวลาของเงื่อนไขซึ่งสามารถตั้งได้จนถึงวันที่สัญญาหมดอายุ 28/12/23 และระบุวันที่คำสั่งหมดอายุเป็น Day

เนื่องจากคำสั่ง MP เป็นคำสั่งจับคู่ซื้อขายทันทีที่ราคาดีที่สุดในช่วงขณะนั้น (Best Bid - Best Offer) ทำให้เมื่อราคาลงมาต่ำกว่าเงื่อนไขที่ 990 จุด จะส่งคำสั่ง Short Close ปิดสถานะที่ราคาตลาดทันที หากช่วงนั้นมี Bid อยู่ที่ 990 จุด จำนวน 3 สัญญา Bid ถัดมาอยู่ที่ 989.8 จุด จำนวน 5 สัญญา จะปิดสถานะที่ราคา 990 จุด จำนวน 3 สัญญา และที่ราคา 989.8 จุด จำนวนที่เหลืออีก 2 สัญญา

** การใช้คำสั่ง MP ให้มีประสิทธิภาพควรต้องดูเรื่องสภาพคล่องของสินค้าที่ซื้อขายประกอบด้วย หากสภาพคล่องน้อย การจับคู่อาจได้ราคาที่สูงหรือต่ำกว่าราคาตลาดมากเกินไป ซึ่งสามารถเลือกใช้คำสั่ง Limit แทนคำสั่ง MP ได้ โดยระบุราคาให้ต่ำกว่าเงื่อนไขเล็กน้อยกรณีเป็นการ Short Close หรือระบุราคาให้สูงกว่าเงื่อนไขเล็กน้อยกรณีเป็นการ Long Close ซึ่งระบบจะจับคู่ซื้อขายตามเกณฑ์ราคาที่ดีที่สุดให้หากราคาขณะนั้นดีกว่าราคาที่ตั้ง

 

Bracket Order

คือการส่งคำสั่งซื้อขายล่วงหน้าแบบตั้งเงื่อนไขทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งขาขึ้นและขาลง มักใช้ในกรณีที่ต้องการกำหนดราคาปิดสถานะเพื่อจำกัดผลขาดทุน (Stop Loss) พร้อมกับกำหนดราคาเป้าหมายทำกำไร (Take Profit) ไว้ในคำสั่งเดียวกัน หรือใช้ในกรณีที่ต้องการเปิดสถานะเพื่อไล่ราคาตามแนวรับและแนวต้าน โดยผู้ลงทุนสามารถกำหนดเงื่อนไขในครั้งเดียวเพื่อปิดสถานะเมื่อราคาขึ้นสูงกว่าเงื่อนไขกรอบบนที่กำหนดไว้ (Upper Price) พร้อมปิดสถานะเมื่อราคาต่ำกว่าเงื่อนไขกรอบล่างที่กำหนดไว้ (Lower Price)

3.2.1 การใช้ Condition Order - Bracket Order

การส่งคำสั่ง Bracket Order ผู้ลงทุนจะต้องกำหนดเงื่อนไขดังนี้

  1. ประเภทคำสั่ง Long Open, Short Open, Long Close และ Short Closeตามด้วยผลิตภัณฑ์ TFEX ที่ต้องการ
  2. จำนวนสัญญาที่ต้องการ
  3. ระดับราคาตลาด MP, MP-MTL เมื่อมีการเข้าเงื่อนไขที่ตั้งไว้
MP (Market Price) – คำสั่งจับคู่ทุกระดับราคาตามจำนวน
MP-MTL (Market to Limit Order) – คำสั่งจับคู่ในราคาที่ดีที่สุดราคาเดียว หากจับคู่ไม่ครบจำนวนจะตั้งรอไว้ที่ราคาเดิม
  1. เลือก Condition Type เป็น Bracket Order
  2. ใส่เงื่อนไขราคากรอบล่าง (Lower Price) และราคากรอบบน (Upper Price) ที่ต้องการ
  3. เลือกระยะเวลาที่ต้องการให้เงื่อนไขนี้มีผลถึงเมื่อไร (Condition Validity) โดยเมื่อเกินระยะเวลาที่ผู้ลงทุนตั้งไว้คำสั่งจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ (Expired)
  4. ระบุ Order Validity เป็นการระบุวันหมดอายุของคำสั่งซื้อขายหลังจากที่ Condition เข้าเงื่อนไขแล้ว ซึ่งเลือกได้ 3 รูปแบบ
Day – คำสั่งจะหมดอายุภายในวัน หลังจากที่ Condition เข้าเงื่อนไข
Date - คำสั่งจะหมดอายุในวันที่ผู้ลงทุนกำหนด
Cancel – คำสั่งจะไม่หมดอายุจนกว่าผู้ลงทุนยกเลิกคำสั่งเอง

ตัวอย่าง

ถ้ามีสถานะ Long S50Z23 จำนวน 5 สัญญา ที่ 1,000 จุด โดยมองจุดทำกำไรที่ 1,030 จุด และต้องการ Stop Loss ทันทีหากดัชนีลงมาที่ 990 จุด

ให้ตั้ง Short Close S50Z23 จำนวน 5 สัญญา โดยใช้คำสั่ง MP แล้วกำหนดเงื่อนไข Upper Price เป็น 1,030 จุด และกำหนดเงื่อนไข Lower Price เป็น 990 จุด เลือกระยะเวลาของเงื่อนไขซึ่งสามารถตั้งได้จนถึงวันที่สัญญาหมดอายุ 28/12/23 และระบุวันที่คำสั่งหมดอายุเป็น Day

เนื่องจากคำสั่ง MP เป็นคำสั่งจับคู่ซื้อขายทันทีที่ราคาดีที่สุดในช่วงขณะนั้น (Best Bid - Best Offer) ทำให้เมื่อราคาขึ้นไปสูงกว่าเงื่อนไขที่ 1,030 จุด หรือหากราคาลงมาต่ำกว่าเงื่อนไขที่ 990 จุด จะส่งคำสั่ง Short Close ปิดสถานะที่ราคาตลาดทันที หากช่วงนั้นมี Bid อยู่ที่ 990 จุด จำนวน 3 สัญญา Bid ถัดมาอยู่ที่ 989.8 จุด จำนวน 5 สัญญา จะปิดสถานะที่ราคา 990 จุด จำนวน 3 สัญญา และที่ราคา 989.8 จุด จำนวนที่เหลืออีก 2 สัญญา

** การใช้คำสั่ง MP ให้มีประสิทธิภาพควรต้องดูเรื่องสภาพคล่องของสินค้าที่ซื้อขายประกอบด้วย หากสภาพคล่องน้อย การจับคู่อาจได้ราคาที่สูงหรือต่ำกว่าราคาตลาดมากเกินไป


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง