TFEX
5 Min Read

สรุปประเด็น Workshop "Orientation พร้อมทำความรู้จักสินค้า TFEX FX Futures ชุดใหม่”

by TFEX
สรุปประเด็น Workshop "Orientation พร้อมทำความรู้จักสินค้า TFEX FX Futures ชุดใหม่”

TFEX FX Futures Trading Challenge 2022
สรุปประเด็น Workshop "Orientation พร้อมทำความรู้จักสินค้า TFEX FX Futures ชุดใหม่”
 

          โอกาสทำกำไรในค่าเงินต่างประเทศของสายเทรด FX มาถึงแล้ว! มาทำความรู้จักกับสินค้า FX Futures ชุดใหม่ ซึ่งจะเปิดให้ซื้อขายเร็ว ๆ นี้ ที่ตลาด TFEX โดยมี 2 คู่สกุลเงินด้วยกัน ได้แก่ EUR/USD Futures และ USD/JPY Futures จุดเด่นของสินค้านี้คือการคิดกำไรขาดทุนเป็นเงินบาททำให้ไร้กังวลเรื่องการแลกเงิน ได้มาตรฐานภายใต้โบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาตจากตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) รวมถึงมีกฎหมายคุ้มครอง อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. และเป็นสินค้าที่ได้รับการอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย ก่อนอื่นมาเริ่มเรียนรู้ปัจจัยที่กระทบค่าเงินและทำความเข้าใจในตัวสินค้าไปกับ คุณเดชธนา ฟางสะอาด ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล. พาย เนื้อหาจะเป็นอย่างไร ไปดูสรุปเนื้อหาสำคัญของ Workshop ครั้งนี้กันได้เลย
 

ความหมายของ Currency
          ในแต่ละประเทศจะมีสกุลเงินที่ใช้ในการใช้จ่ายหรือแลกเปลี่ยนสินค้าบริการเป็นของตัวเองที่ไม่เหมือนกัน หากมี Demand ต้องการเงินสกุลในประเทศนั้นๆ มากขึ้น สกุลเงินนั้นก็จะแข็งค่าหรือมีค่ามากขึ้นจากความต้องการที่มากกว่า ยกตัวอย่าง USD/THB ลองเปรียบเทียบกับการซื้อสินค้าโทรศัพท์ราคา $1,000 เมื่อก่อนค่าเงินดอลลาร์อยู่ที่ 32 บาท เราจ่ายเงินซื้อโทรศัพท์ที่ 32,000 บาท ถ้าปัจจุบันค่าเงินดอลลาร์อยู่ที่ 36 บาท เราต้องใช้เงินถึง 36,000 บาท ในการซื้อสินค้าเดิม ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการเสียเปรียบจากการแข็งหรืออ่อนค่าของสกุลเงิน เราสามารถนำ Futures เข้ามาใช้ ซึ่งนอกจากจะใช้บริหารป้องกันความเสี่ยงแล้วยังสามารถนำไปเก็งกำไรได้ด้วยเช่นกัน
          การอ่านสัญลักษณ์หรือ Symbol ของสินค้า จากตัวอย่าง USD/THB เราจะยึดสกุลเงินที่ขึ้นต้นเป็นหลัก ความหมายคือเงิน 1 ดอลลาร์จะแลกได้กี่บาท หากกราฟสูงขึ้นคือดีต่อดอลลาร์ แปลว่าเราต้องใช้เงินบาทมากขึ้นเพื่อแลกดอลลาร์ หรือก็คือดอลลาร์แข็งค่าและบาทอ่อนค่า เช่นเดียวกันกับ EUR/USD คือ 1 ยูโรจะแลกได้กี่ดอลลาร์ และ USD/JPY คือ 1 ดอลลาร์จะแลกได้กี่เยน
 

สิ่งที่ควรระมัดระวังในการเทรดสินค้าใหม่
          - จุดทศนิยมของสินค้า
          EUR/USD จะใช้ถึงทศนิยมถึง 4 ตำแหน่ง เช่น 1.0025 ต่างจาก USD/JPY ที่มีทศนิยม 2 ตำแหน่ง เช่น 144.17 โดยมูลค่าของแต่ละ Tick Size ที่ขยับ จะอยู่ที่ประมาณ 3 บาทต่อสัญญาเท่ากัน
          - เวลาเปิดปิดทำการ
          ตลาด TFEX นั้นสามารถเทรดได้ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงประมาณเที่ยงคืน ต่างจากการเทรด FX ที่ต่างประเทศ ซึ่งช่องว่างเวลาช่วงนี้เราต้องพิจารณาความเสี่ยงในการถือสถานะข้ามวันด้วย

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าเงิน
          ค่าเงินนั้นมีหลากหลายปัจจัยที่กระทบทั้งจากประเทศต้นทางและประเทศปลายทางที่นำมาเปรียบเทียบกัน รวมถึงความเสี่ยงของเศรษฐกิจหรืออัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศนั้นก็เป็นปัจจัยหลักที่กระทบต่อค่าเงิน
          - GDP หรือ Gross Domestic Product การเทียบเราก็ต้องเทียบ GDP ทั้ง 2 ประเทศของสกุลเงินนั้น แนวโน้มอนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะตลาดมักจะเล่นกับอนาคตล่วงหน้า ไม่ได้อยู่เฉพาะกับตัวเลขที่ประกาศออกมาปัจจุบัน การที่ตัวเลข GDP เพิ่มขึ้น แปลว่ารายได้ที่เกิดขึ้นในประเทศนั้นเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย
                    C = Consumption หรือการบริโภคภาคเอกชน เช่น การซื้อของออนไลน์ ดูหนัง ชำระค่าน้ำ หากตัวเลขนี้ไม่โตขึ้นแปลว่าประชาชนไม่กล้าใช้จ่าย สะท้อนว่าเศรษฐกิจไม่ได้ดีนัก
                    I = Investment หรือการลงทุนภาคเอกชน เช่น การซื้อเครื่องจักรขนาดใหญ่ ลงทุนพัฒนาซอฟแวร์ ก่อสร้างอาคารสำนักงาน
                    G = Government Spending เป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดของฝั่งรัฐบาล เช่น รถไฟความเร็วสูง อาวุธเทคโนโลยี โครงการคนละครึ่ง
                    X-M = Export – Import เปรียบเทียบการส่งออกกับนำเข้า หากส่งออกมากกว่าแปลว่าประเทศมีรายได้มากกว่ารายจ่าย ตัวเลข GDP ยิ่งสูงมักจะเป็นผลดีต่อค่าเงินนั้น ซึ่งหาข้อมูล GDP ได้จากเว็บไซต์ของสภาพัฒน์

          - Balance of Payment
หรือดุลการชำระเงิน คือบัญชีผลสรุปของเงินที่ไหลเข้าออกของประเทศ ที่เกิดจากการค้าการลงทุนระหว่างประเทศทั้งหมดในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น รายไตรมาสหรือรายเดือน ดูว่าประเทศเกินดุลอยู่หรือว่าขาดดุล ประกอบด้วย 1) ดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account) และ 2) ดุลบัญชีเงินทุน (Capital and Financial Account)
                    1) ดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account)
                    เป็นผลรวมของดุลการค้าที่พิจารณาจากการส่งออกกับนำเข้า ดุลบริการอย่างเรื่องการท่องเที่ยว เงินโอนระหว่างประเทศ และรายได้จากการทำงาน ซึ่งตัวเลข Current Account ยิ่งสูงมักจะเป็นผลดีต่อค่าเงินนั้น
                    2) ดุลบัญชีเงินทุน (Capital and Financial Account)
                    คือส่วนของการลงทุน มีส่วนประกอบคือ บัญชีทุนและบัญชีการเงิน ที่เกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร การลงทุนในตลาดเงินอย่างหุ้น พันธบัตร ฯลฯ

          - Bond
          คือตราสารหนี้ ที่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย ซึ่งมีผู้กู้ที่เป็นบริษัทหรือรัฐบาล เป็นผู้ออกพันธบัตรมาให้นักลงทุนเลือกซื้อ โดยมีอัตราผลตอบแทนหรือ Bond Yield ให้พิจารณา ทั้งนี้ ตัวเลข Bond Yield ยิ่งสูงมักจะเป็นผลดีต่อค่าเงิน
ยกตัวอย่าง FED Rate ของอเมริกานั้นปรับตัวสูงขึ้นเร็วกว่า ECB Rate ของยุโรป ทำให้แนวโน้มค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงมาเรื่อยๆ ต่อเนื่อง ซึ่งตัวเลข Bond Yield หาได้จากเว็บไซต์ Thaibma.or.th

          - Inflation
          คือค่าเฉลี่ยของราคาสินค้าหรือบริการ ที่เปลี่ยนแปลงสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หรือการที่ค่าเงินด้อยค่าลง ตัวเลขเงินเฟ้อยิ่งสูงมักจะเป็นผลเสียต่อค่าเงิน
          ยกตัวอย่างตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของอเมริกาที่ออกมาสูง แต่ทางฝั่งยุโรปออกมาสูงมากกว่าฝั่งอเมริกาอีก ก็เป็นปัจจัยทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง

          - Real Yield
          คือการหักลบกันของ Bond Yield – Inflation การที่เราดูแค่ผลตอบแทนอย่างเดียวอาจจะไม่ถูก ควรต้องดูเงินเฟ้อด้วย ว่าหักลบแล้วเหลือผลตอบแทนที่แท้จริงเท่าไร กลายเป็นติดลบหรือไม่ ตัวเลข Real Yield ยิ่งสูงมักจะเป็นผลดีต่อค่าเงิน
ยกตัวอย่าง Real Yield ของฝั่งอเมริกาที่ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น สวนทางกับทางฝั่งยุโรปที่ลดลงเรื่อยๆ ทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

          - ปัจจัยอื่นๆ ภัยพิบัติ สงคราม โรคระบาด
          สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยลบต่อค่าเงินทั้งสิ้น อย่างประเทศญี่ปุ่นจะฟื้นตัวจากการระบาดของ Covid-19 ค่อนข้างช้า หรือจากสังคมผู้สูงอายุที่มีสัดส่วนอยู่สูง ก็เป็นอีกปัจจัยลบหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าต่อเนื่อง

ประมาณการปัจจัยที่ส่งผลกระทบในปี 2023
          ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ความสัมพันธ์ของปัจจัยต่างๆ นั้นไม่ได้ผันแปรไปตามนั้น 100% บางครั้งการที่ค่าเงินแปรผกผัน นั่นคือ อาจจะมีปัจจัยพิเศษอื่นๆ แทรกเข้ามา ต้องดูว่าช่วงเวลานั้นตลาดให้ความสำคัญกับปัจจัยอะไร แล้วทำไมค่าเงินถึงเคลื่อนไหวผิดปกติแบบนั้น หากลองมอง GDP ของอเมริกาเทียบกับญี่ปุ่น ตัวเลข GDP ของญี่ปุ่นเติบโตสูงกว่าอเมริกา แต่ค่าเงิน USD/JPY กลับตรงข้าม ดอลลาร์แข็งค่าสวนทางกับเยนที่อ่อนลงไปเรื่อยๆ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากตัวเลข GDP ที่เติบโตนั้นมูลค่าไม่ได้สูงมากนักหรือมีปัจจัยอื่นที่สำคัญกว่าเข้ามากระทบ
          ตัวนักลงทุนยังให้ความสำคัญกับประเด็น Real Yield อีก 1-2 ปี เพราะช่วงนี้หลายๆ ประเทศปรับนโยบายทางการเงิน โดยเฉพาะอเมริกาที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง จากก่อนหน้านี้ที่เป็นขาลงมายาวนาน ทั้งหมดก็เพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ หลังจากสถานการณ์เหล่านี้เริ่มนิ่งก็จะกลับมาดูเรื่องตัวเลข GDP และ Current Account กันต่อ ซึ่งภาพรวมตอนนี้ดอลลาร์ก็ยังแข็งค่า แนะนำให้อยู่ฝั่งซื้อดอลลาร์มากกว่า แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูผลการประชุม FED ไปด้วยกัน
 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค
          ควรมองภาพออกให้ก่อนว่าลักษณะตอนนี้เป็น Trending หรือ Trading ภาพใหญ่มีเทรนด์ที่ชัดเจนไหม หรือเป็นลักษณะ Sideway ควรเลือกฝั่งตามเทรนด์ ถ้าเป็นขาขึ้นก็ควรอยู่ฝั่ง Long เป็นหลัก แล้วจับจังหวะเข้าเปิดสถานะ เช่น หากราคาปรับตัวย่อลงแล้วเกิดสัญญาณการกลับตัวขึ้น โดยที่เทรนด์ยังไม่เปลี่ยน เป็นต้น และหากเกิดสถานการณ์ผิดเพี้ยนทำให้แนวโน้มใหญ่เสียก็ต้องพร้อมกลับมาอยู่ฝั่ง Short ให้ได้ทันที อย่างไรก็ดี ก่อนจะเข้าทำสถานะใดๆ ควรพิจารณาเทรนด์ด้วยว่าตอนนี้เป็นต้นเทรนด์ กลางเทรนด์ หรือปลายเทรนด์ เพื่อให้ได้การบริหารจัดการการลงทุนที่เหมาะสมที่สุด
 

ตัวอย่างการใช้เส้นค่าเฉลี่ย EMA75 ในค่าเงินดอลลาร์
          ราคาจะขึ้นได้ต้องอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย เมื่อใดที่ราคาเริ่มตัดเส้นค่าเฉลี่ยขึ้นมาจึงเป็นโอกาสที่แนวโน้มอาจจะเริ่มต้นเปลี่ยนเป็นขาขึ้น ซึ่งภาพรวมตอนนี้ยังเป็นขาขึ้นอยู่

ตัวอย่างการใช้เครื่องมือ Heikin-Ashi ในค่าเงินยูโร
          ควรเปิดสถานะฝั่งเดียวกับสีแท่งเทียนช่วงนั้น โดยมีจุด Stoploss ที่หัวของต้นทาง การที่มีจุด Stoploss จะทำให้เราคุมความเสี่ยงไว้ได้โดยสามารถปล่อย Profit Run พร้อมกับขยับจุด Stoploss เข้ามาเรื่อยๆ หากถูกทางจะเป็นการจำกัดความเสี่ยงได้อย่างดี ซึ่งภาพรวมก็ยังเป็นขาลงอย่างชัดเจน
 

          สุดท้ายนี้ ทุกสิ่งไม่มีอะไรที่แน่นอน 100% ควรลงทุนด้วยสติ ลงทุนด้วยความเข้าใจ เราใช้ข้อมูลในอดีตเพื่อมาศึกษาหาโอกาสความน่าจะเป็นหลังจากนี้ พร้อมบริหารความเสี่ยงรับมือสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นต่อไป ซึ่งการจะอยู่รอดในสนามการเทรดควรต้องรู้และเข้าใจในเรื่องอื่นไปด้วย การใช้เครื่องมือเทคนิคเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบหนึ่งเท่านั้น ควรต้องเข้าใจเรื่อง Money Management, Psychology และ Mindset ไปด้วยกัน

          การเรียนรู้การทำความเข้าใจคือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ จนถึงการลงมือทำ มาเตรียมเทรดด้วยพอร์ตจำลองไปพร้อมกันกับโครงการ TFEX FX Futures Trading Challenge 2022 linkout


บทความที่เกี่ยวข้อง