บริหาร Margin อย่างไรใน TFEX

          วันนี้ Derivatives Voices ขอหยิบยกเรื่องการบริหารเงินหลักประกันหรือ Margin สำหรับมือใหม่ที่ลงทุน TFEX มาฝาก เพื่อให้เพื่อนๆ เข้าใจและสามารถวางแผนการจัดการหลักประกันได้อย่างเหมาะสม

          อย่างที่ทราบกันดีว่าการลงทุนในตลาด TFEX อย่าง Futures หรือ Options (ฝั่ง Short Options) ผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเต็มจำนวน แต่จะต้องวางหลักประกันซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ประมาณ 8 – 10% ของมูลค่าสัญญา ซึ่งหลักประกันที่วางไว้นี้จะถูกคำนวณกำไรขาดทุนทุกวันที่ตลาดเปิดทำการซื้อขาย (Mark-to-Market) ดังนั้นก็หมายความว่าเงินหลักประกันของเพื่อนๆ อาจจะเพิ่มขึ้น หรือลดลงในแต่ละวันซึ่งในกรณีที่ลดลงจนถึงระดับที่กำหนด อาจจะต้องมีการเพิ่มหลักประกันเพื่อรักษาสถานะสัญญา หรือที่เรียกว่า Call Margin ดังนั้นเราจะมาดูกันว่าควรวางแผนอย่างไรให้จัดการหลักประกันได้อย่างเหมาะสม โดยขอหยิบยก 4 เทคนิคมาแบ่งปันกันดังนี้
           “วางเผื่อเหลือดีกว่าขาด” จริงอยู่ว่าอัตราหลักประกันที่ตลาดฯ กำหนดประมาณ 8 – 10% เป็นข้อดีที่ทำให้เพื่อนๆ ใช้เงินน้อยลงในการลงทุนสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากกว่าเงินที่วางถึง 10 เท่า ทำให้เวลาที่เกิดผลกำไรเมื่อเทียบเงินต้นก็จะมีอัตราทด หรือ Leverage ทำให้มีกำไรสูง แต่หากราคาไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาด ก็อาจจะขาดทุนสูงเช่นเดียวกัน ควรลองคำนวณดูว่าพอร์ตเราจะทนการขาดทุนได้มากเท่าไร นับเป็นดัชนีกี่จุดหากราคาสินทรัพย์นั้นวิ่งสวนทางกับเรา ไม่ใช่ว่าแค่ผิดทางเพียงเล็กน้อยก็โดน Call Margin แล้ว ดังนั้นข้อแรกเราไม่ควรลงทุนจนเกินพอดี ให้คำนึงถึงความเป็นไปได้ที่เพื่อนๆ อาจจะคาดการณ์ผิด และวางเงินประกันเผื่อรับความเป็นไปได้ที่ราคาอาจจะผันผวนสูงในอนาคต
           “เพิ่มหลักประกันวันหยุดยาว” การลงทุนใน Futures เพื่อนๆ มีทางเลือกที่หลากหลายทั้งสินทรัพย์อ้างอิงในประเทศและต่างประเทศ เช่น ทองคำ หรือค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมูลค่าของ Futures ก็จะล้อไปกับราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ดังนั้นอาจจะเป็นไปได้ว่าในช่วงที่ตลาด TFEX ปิดทำการตามวันหยุดสำคัญของไทย แต่ตลาดต่างประเทศยังมีการซื้อขาย ทำให้ราคาสินทรัพย์ยังมีความเคลื่อนไหว ดังนั้นการวางหลักประกันเผื่อไว้ช่วงก่อนหยุดยาวก็เป็นทางเลือกที่ดี
           “เติมหลักประกันล่วงหน้า” หากได้วางแผนและราคายังอยู่ในกลยุทธ์ที่วางไว้ ในบางครั้งภาวะตลาดขาขึ้นหรือขาลงก็สร้างความผันผวนทำให้หลักประกันที่วางไว้ลดต่ำลง แต่ถ้าเพื่อนๆ ยังเชื่อว่าราคาจะยังเป็นไปตามที่คิดไว้ และไม่อยากเพิ่มหลักประกันเต็มจำนวน เราอาจจะเลือกเติมหลักประกันเพิ่มบางส่วนเพื่อให้สูงเกินกว่าระดับ Call Margin ที่กำหนด (70% ของเงินประกันขั้นต้น)
           “ผิดทางให้มอบตัว” ทุกครั้งที่เลือกลงทุนไม่ว่าจะเป็นการเปิดสถานะ Long เพื่อทำกำไรขาขึ้น หรือ Short เพื่อทำกำไรขาลง เรามักจะตัดสินใจบนเหตุผลหรือสมมุติฐานที่เชื่อตามปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ พบว่าปัจจัยที่คิดไว้นั้นเปลี่ยนแปลงไปแล้ว หรือผิดแผน สิ่งที่คิดไว้ไม่เป็นไปตามคาด แบบนี้ก็ควรที่จะเลือกตัดขาดทุนปิดสถานะแล้วรอจังหวะการลงทุนใหม่ในรอบหน้า

          ทั้ง 4 เทคนิคนี้เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นในการบริหารหลักประกันของมือใหม่ มีประโยชน์อย่างไร หรือ เพื่อนๆ มีเทคนิคอื่นแนะนำร่วมแชร์กันได้นะครับ สำหรับใครที่อยากรู้และเข้าใจการวางหลักประกันในการลงทุน TFEX เพิ่มเติม คลิก: https://www.tfex.co.th/site/investor/tfex-learning/infographic/7902

ดูรายละเอียดสินค้าใน TFEX เพิ่มเติมได้ที่นี่