5 Min Read
SET50 Index Options หรือ สัญญาซื้อขายสิทธิที่ผู้ซื้อจะได้รับสิทธิในการซื้อ หรือสิทธิในการขาย ดัชนี SET50 Index โดยดัชนี SET50 Index นั้นสะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นสามัญ 50 อันดับแรก พิจารณาจากมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) สภาพคล่อง และมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยผ่านเกณฑ์ที่กำหนดซึ่งสามารถใช้เป็นตัวแทนดัชนีตลาดทุนไทยได้อีกตัวหนึ่งนอกเหนือจาก SET Index (ดัชนีที่สะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาหลักทรัพย์ทั้งหมดของตลาด) โดยจะมีการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ใช้ในการคำนวณ SET50 Index ทุกๆ 6 เดือน เพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์ และเกณฑ์ที่กำหนด |
รายชื่อหลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนี SET50 Index |
เป็นสัญญาซื้อขาย “สิทธิ” ล่วงหน้าที่ผู้ซื้อและผู้ขายทำการตกลงซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงดัชนี SET50 Index ในปริมาณ ราคา และวันที่ใช้สิทธิในอนาคต Options แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ Call Options หรือ สิทธิในการ “ซื้อ” และ Put Options หรือ สิทธิในการ “ขาย” โดยการเคลื่อนไหวของดัชนี SET50 Index Options 1 จุด จะมีมูลค่าเท่ากับ 200 บาท ใช้การชำระราคาส่วนต่างกำไรขาดทุนที่เกิดขึ้นด้วยเงินสด (Cash Settlement) |
การซื้อขายในตลาด Options “ผู้ซื้อ” จะชำระค่า Premium หรือราคาของสัญญาสิทธิ ณ วันที่ทำการซื้อขาย ไม่ต้องมีการชำระเพิ่มในอนาคต ซึ่งในช่วงก่อนหมดอายุสัญญา ผู้ลงทุนจะซื้อขายค่า Premium ของสัญญา Options และพอถึงวันหมดอายุสัญญา “ผู้ซื้อ” จะใช้สิทธิต่อเมื่อมีกำไรจากการใช้สิทธิ และจะไม่ใช้สิทธิหากขาดทุน ทำให้ “ผู้ซื้อ” จะขาดทุนสูงสุดไม่เกินค่า Premium ที่ได้ชำระไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ถ้าหากในวันหมดอายุสัญญาดัชนีอยู่ระดับที่สัญญา Options สามารถใช้สิทธิได้ จะได้รับส่วนต่างตามราคาใช้สิทธิและดัชนีปัจจุบัน ทำให้ฝั่งผู้ซื้อสามารถสร้างกำไรได้ไม่จำกัด ส่วน “ผู้ขาย” จะได้รับค่า Premium มาก่อนจากฝั่ง “ผู้ซื้อ” ตั้งแต่วันที่ซื้อขายและถือเป็นกำไรที่ได้รับถ้าดัชนีไม่ถึงระดับราคาใช้สิทธิในวันที่สัญญาหมดอายุซึ่งฝั่ง“ผู้ขาย”จะมีภาระผูกผันต่อ “ผู้ซื้อ” หาก “ผู้ซื้อ” ใช้สิทธิตามอายุของสัญญา ทำให้ฝั่ง “ผู้ขาย” สามารถขาดทุนได้ไม่จำกัด |
ศึกษาลักษณะสัญญาเพิ่มเติม |
สัญลักษณ์ที่ใช้ในการซื้อขาย | |
S50 คือ ตัวย่อสินทรัพย์อ้างอิงคือ ดัชนี SET50 Index ตามด้วยสัญลักษณ์ตัวย่อเดือนที่หมดอายุ, ปี ค.ศ. ที่หมดอายุ, ประเภทสิทธิ และระดับราคาใช้สิทธิ ตัวย่อเดือนที่หมดอายุ เช่น H เท่ากับเดือนมีนาคม และตัวเลข 2 ตัวสุดท้าย คือปี ค.ศ. ที่หมดอายุ เช่น 2023 ใช้ตัวย่อ 23 ประเภทสิทธิ “C” คือ ประเภทสัญญาสิทธิในการ “ซื้อ” และ “P” คือ ประเภทสัญญาสิทธิในการ “ขาย” ระดับราคาใช้สิทธิ เช่น 975 คือระดับราคาใช้สิทธิที่ 975 จุด |
ปัจจัยที่มีผลต่อราคา SET50 Index Options | |
ด้านปัจจัยที่กระทบต่อราคาฟิวเจอร์ส ประกอบด้วย 5 ตัวแปรสำคัญ | |
ตัวดัชนี SET50 Index ที่เป็นสินค้าอ้างอิงกับสัญญา SET50 Index Options ซึ่งจะมีผลต่อ Payoff และมูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) ของสัญญา Options เนื่องจากดัชนี SET50 คำนวณมาจากราคาของหุ้นขนาดใหญ่จำนวน 50 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ปัจจัยที่กระทบต่อดัชนีจึงเป็นปัจจัยที่กระทบต่อตลาดทุนเป็นสำคัญ เช่น สภาวะเศรษฐกิจ การเมือง นโยบายดอกเบี้ย ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงปัจจัยอ่อนไหวอื่นเช่น ราคาน้ำมัน ทิศทางตลาดหุ้นในต่างประเทศ ฯลฯ | |
ระยะเวลาของสัญญาที่เหลือของสัญญา Options หากระยะเวลาของสัญญายังเหลือมากค่า Premium ของ Options จะยังสูงอยู่ โดยจะลดลงเรื่อย ๆ ตามมูลค่าเวลาที่เหลืออยู่ (Time Value) จนเป็นศูนย์ ณ วันหมดอายุสัญญา | |
อัตราดอกเบี้ย การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอัตราดอกเบี้ยมีผลต่อมูลค่าตามเวลาที่เหลืออยู่ (Time Value) ของสัญญา Options หากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจะทำให้ราคา Call Options เพิ่มขึ้น แต่จะทำให้ราคาของ Put Options ลดลง ในกรณีที่ดอกเบี้ยลดลงจะส่งผลตรงกันข้ามเช่นกัน | |
เงินปันผล ส่งผลตรงกันข้ามกับอัตราดอกเบี้ยหากอัตราเงินปันผล (Dividend Yield) เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาของ Call Options ลดลง และทำให้ราคาของ Put Options เพิ่มขึ้น | |
ความผันผวน (Volatility) ของดัชนีSET50 เนื่องจาก Options คำนึงถึงระดับราคาใช้สิทธิกับราคาตลาด ดังนั้น ความผันผวนยิ่งสูงขึ้นจะทำให้โอกาสที่ราคาตลาดจะถึงราคาใช้สิทธิมีมากขึ้น ทำให้เมื่อมีความผันผวนเพิ่มขึ้นราคา Options ทั้ง Call Options และ Put Options จะเพิ่มสูงขึ้น | |
คำนวณราคาออปชันได้ที่นี่ |
สรุปจุดเด่นของ SET50 Index Options | |
เป็นเครื่องมือสร้างโอกาสทำกำไรได้ในทุกสภาวะตลาด ทั้งตลาดขาขึ้น ตลาดขาลง หรือตลาด Sideway | |
เป็นเครื่องมือบริหารเสี่ยงทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง | |
ชำระราคาโดยคำนวณกำไรขาดทุนเป็นเงินสด | |
ใช้เงินลงทุนน้อยผู้ซื้อสิทธิจ่ายเฉพาะค่า Premium | |
วิเคราะห์แนวโน้ม ราคาเคลื่อนไหวตามดัชนี SET50 |